Almost there… Boston Marathon…

เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน ใกล้เข้ามาแล้ว สำหรับ Boston Marathon ครั้งที่ 120 จากที่เคยได้เขียนเล่าไปในตอนที่ 1 พร้อมกับหาเงินเข้ากองทุนการกุศล ก็เริ่มมีคำถามเข้ามามากมาย ขออนุญาตตอบคำถามยอดฮิต ซึ่งเป็นคำถามสั้นๆ แต่เวลาผมตอบ มันก็มันจะมีคำถามยิบย่อยจากเพื่อนๆ ตามมาอีก เลยคิดว่าช่วงนี้ก็คงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ตอบ คำถามนั้นก็คือ…

“อยากวิ่ง Boston Maraton บ้าง ต้องทำยังไง?”

hopkinton-start-line
จุด start ที่เมือง Hopkinton

เนื่องจากงาน Boston Marathon เป็นงานมาราธอนประจำปีที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เป็น Top 5 ของสนามมาราธอนระดับโลก และเป็นความฝันสูงสุดของนักวิ่งมาราธอนทั่วโลกว่าซักครั้งนึงในชีวิตจะต้องมาวิ่งงานนี้ จึงไม่สามารถเปิดให้คนทั่วไปสมัครได้เหมือนมาราธอนที่อื่นๆ ไม่งั้นคนคงล้นงาน นี่ขนาดว่ามีการคัดกรองมาแล้ว ปีนี้มีคนวิ่งในรายการนี้ทั้งหมดประมาณ 3 หมื่นกว่าคนครับ

คำถามเพิ่มเติมเริ่มตามมา “คัดกรองยังไง?”

ผู้สมัครจะต้องไปวิ่งมาราธอนที่ได้มาตรฐานจบในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละช่วงอายุ อย่างรุ่นอายุของผมระบุไว้ที่เวลา 3:10 ชม. อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ time qualify ได้ที่นี่เลยครับ สำหรับงานมาราธอนในประเทศไทยที่ได้มาตรฐาน Boston Marathon ยอมรับมี 4 งานนะครับ ขอนแก่นมาราธอน ภูเก็ตมาราธอน จอมบึงมาราธอน และกรุงเทพมาราธอน

ตอนที่ผมเห็นเวลา 3:10 ชม. ครั้งแรก ในใจก็คิดว่ายากแล้ว แต่มีโหดกว่านั้นอีกนะครับ วันที่เปิดรับสมัครวันแรก เค้าระบุว่าให้เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีเวลาต่ำกว่า 3:00 ชม. ได้สมัครก่อน ส่วนผู้ที่มีเวลา 3:00 – 3:10 ชม. ให้สมัครได้ในวันถัดไป และสมัครได้เฉพาะจำนวนที่เหลือเท่านั้น… นั่นแปลว่า ถ้าวันแรกมีคนที่มีเวลาต่ำกว่า 3:00 ชม. สมัครไปจนเต็มแล้ว ถ้าคุณมีเวลา 3:05 ชม. ก็ไม่ได้แปลว่าสมัครได้นะครับ ก็ต้องอดไป

“แล้วที่วิ่งผ่านมา ได้ qualify เวลาที่จะสมัครได้มั้ย?”

ไม่ได้ครับ ก่อนหน้านี้ผมวิ่งมาราธอนจบมา 3 รายการ ภูเก็ต Philadelphia และขอนแก่น ตามลำดับ ซึ่งทุกงานเป็นงานมาตรฐานที่ Boston Marathon ยอมรับ แต่เวลาที่ผมทำได้เร็วที่สุด (PB) ก็คือ 4:20 ชม.

set your goal
เป้าหมายที่ประกาศไว้ปีที่แล้ว

“อ้าว แล้วนี่ได้เบอร์มาได้ยังไง?”

ยังก่อนครับ มันยังมีอีกวิธี ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล เมื่อปีที่แล้วผมประกาศเป้าหมายไว้ชัดเจนว่าจะวิ่ง Boston Marathon ในปี 2016 ให้ได้ ถ้าสายตาเราล็อคไว้ที่เป้าหมายและไม่ยอมแพ้ มันจะยังมีหนทางเสมอ และเราเป็นคนตัดสินใจเลือกได้เองเสมออีกเช่นกันว่าเราจะสู้หรือเราจะถอย

นอกจาก time qualify แล้ว เราจะสามารถได้เบอร์วิ่งมาจากการทำ fundraising กับองค์กรการกุศลที่เข้าร่วมโครงการกับ Boston Marathon ซึ่งในปีนี้มีอยู่ประมาณเกือบ 30 องค์กร โดยแต่ละองค์กรก็จะได้รับหมายเลขวิ่งจาก Boston Marathon มาหน่วยงานละ 50-75 หมายเลข ตามโควต้า ผู้สมัครต้องกรอกใบสมัครของแต่ละองค์กร และอาจจะมีการสัมภาษณ์ด้วย และทาง Boston Marathon ก็ได้กำหนดจำนวนเงินไว้ว่าปีนี้ทุกหมายเลขวิ่งที่จะทำ fundraising จะต้องหาเงินให้ได้อย่างต่ำ $5,000 มันอาจจะฟังดูยุ่งวุ่นวายและเป็นจำนวนเงินไม่น้อย จะสู้หรือถอยครับ? ก็ต้องสู้สิครับ ผมก็กรอกใบสมัครไปทั้งหมด 7 องค์กร

charity-organizations
องค์กรการกุศลที่ร่วมกับ Boston Marathon ครั้งนี้

“สมัครองค์กรอะไรไปบ้าง ใบสมัครเค้าถามอะไร?”

ตอนแรกก็เลือกๆ จิ้มๆ เอาองค์กรที่เรารู้จัก จิ้มๆ ลงไป อันไหนดาวน์โหลดแบบฟอร์มหรือสมัครออนไลน์ได้ก็ทำเลย บางองค์กรต้องโทรไปให้เค้าส่งใบสมัครมาให้ โทรติดบ้าง ไม่ติดบ้าง แต่สุดท้ายก็สมัครไป 7 องค์กร ส่วนใบสมัครน่ะเหรอ ก็ประมาณ 4-5 หน้าครับ ถามอะไรกันบ้าง เราลองมาดูกัน แต่ละองค์กรก็พยายามคัดเลือกคนที่มีประวัติหรือเรื่องราวตรงกับองค์กรนั้น เช่น องค์กรที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับมะเร็ง ก็จะมีคำถามประมาณว่า คุณเคยเป็นมะเร็งมั้ย พ่อแม่ญาติพี่น้องคุณเสียชีวิตจากมะเร็งมั้ย คุณเคยมีเรื่องราวที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งอย่างไร หรือใบสมัครขององค์กรโรงพยาบาลเด็กก็จะถามว่า ลูกของคุณเคยเป็นผู้ป่วยที่นี่มั้ย คุณเคยบริจาคหรือทำกิจกรรมอะไรกับโรงพยาบาลมั้ย ฯลฯ และใบสมัคร 2 หน้าสุดท้ายของทุกองค์กรก็จะมีคำถามเรื่องเงินที่คล้ายคลึงกันประมาณว่า คุณมีกลยุทธ์ในการทำ fundraising อย่างไร 3 ข้อ จงอธิบายอย่างละเอียดว่าจะหาเงินมาได้อย่างไร หากกลยุทธ์ทั้ง 3 ไม่ได้ตามเป้า คุณมีกลยุทธ์สำรองอะไรบ้าง คุณเคยทำ fundraising มาก่อนหรือเปล่า ทำกับหน่วยงานใด หาเงินได้เท่าไหร่ ใช้วิธีหรือช่องทางไหนในการหาเงิน แม้ว่าทาง Boston Marathon จะกำหนดยอด fundraising ขั้นต่ำไว้ $5,000 แต่ในปีที่ผ่านมา ยอดเฉลี่ยของ fundraising ต่อคนที่หาได้เป็นประมาณ $10,000 คุณมั่นใจมากน้อยแค่ไหนและคิดว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่จะหาเงินให้ได้ประมาณนั้น…. เฮ้ยนี่เราจะมาช่วยหาเงินบริจาค ไม่ใช่สมัครขอทุนการศึกษา Harvard ทำไมต้องถามอะไรเยอะแยะ ผมคิดในใจ… แต่ก็กรอกและยื่นใบสมัครไปหมดครับ เค้าบอกว่าใช้เวลาพิจารณาประมาณ 2-3 เดือน เวลาผ่านไป 2 เดือน ผมก็เริ่มได้รับอีเมลมาทีละองค์กร ว่าเสียใจด้วย มีผู้ที่เหมาะสมกว่า… จนครบ 7 องค์กรที่ผมสมัคร… เป้าหมายการวิ่ง Boston Marathon 2016 ยังคงถูกล็อคไว้นะครับ สงครามไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร… ณ วันนั้นผมมี 2 ทางเลือกครับ ยอมแพ้แล้วค่อยไปว่ากันใหม่ปีหน้า หรือโทรไปเช็คกับทุกองค์กรอีกครั้ง… ผมเลือกทางเลือกที่ 2 ซึ่งเป็นทางเลือกที่ถูกต้องนะครับ ผมไล่โทรถามแต่ละองค์กรเลย ว่าเหลือเบอร์วิ่งให้ผมมั้ย โทรติดบ้างไม่ติดบ้าง บางที่บอกว่าจะโทรกลับบ้าง ไม่โทรกลับบ้าง ใครไม่โทรกลับผมก็ตื้อไม่เลิก โทรซ้ำๆ ย้ำๆ ให้มันรู้กันไป ค่ามือถือจ่ายเหมารายเดือน โทรออกได้ไม่จำกัดนิ ผมจะโทรเท่าไหร่ก็ได้… จนผมโทรมาถึง Michael’s Miracle ได้คุยกับ manager เค้าบอกว่าทาง Boston Marathon ให้เบอร์วิ่งมา 50 เบอร์ มีใบสมัครเข้ามาทั้งหมดสามพันกว่า!! และทางองค์กรได้พิจารณาใบสมัคร คัดเลือกและแจกจ่ายเบอร์ไปหมดแล้ว แต่ถ้าผมยังอยากจะกรอกใบสมัคร เค้าก็จะอีเมลใบสมัครมาให้ และจะได้มาอยู่ใน waiting list ซึ่งตอนนี้มีคนอยู่ใน waiting list ประมาณ 100 คน… ณ จุดนั้นผมก็มี 2 ทางเลือกอีกแล้วครับ ถอนหายใจอย่างสิ้นหวังแล้วถอย หรือกรอกใบสมัครส่งเค้าไป… ผมเลือกทางเลือกที่ 2 ซึ่งเป็นทางเลือกที่ถูกต้องนะครับ จำไว้เลยครับ By doing nothing, you already have a “NO”, it’s always worth trying things in order to get “YES” สงสัยว่าการกรอกใบสมัคร 7 องค์กรแรกจะทำให้ผมกลายเป็น expert ในการเขียนใบสมัคร ใบสมัครที่ 8 ของ Michael’s Miracle ผมใช้เวลากรอกเพียง 30 นาที เค้าอีเมลใบสมัครมาให้ผมตอนบ่ายสาม บ่ายสามครึ่งผมกรอกเสร็จและอีเมลกลับไป… เค้าคงตกใจมาก รีบโทรกลับมาหาผม “Chait! You turn in your application real quick. I read it and it’s very bold and inspiring. I don’t have any bib left but I promise I’ll find you one. You’re a type of person we’re looking for” ดีใจมากๆ ผ่านไปอีก 3 วัน เค้าก็โทรกลับมา “Chait… I found a bib for you. Do you still wanna run with us?” โอ๊ยยยย แม่จ้าว น้ำตาจิไหลพรากๆ มันเหมือนการเดินทางการต่อสู้ที่ยาวนานได้จบลง ภาพในหัวตอนนั้นคือรูปผมวิ่งเข้าเส้นชัยแล้วได้เหรียญมาคล้องคอแล้วคับ… ส่วนเรื่องที่ว่าจะหาเงิน $5,000 มาได้ยังไง เดี๋ยวค่อยว่ากัน ตอนนั้นผมคิดว่ามันจะต้องมีทางเสมอ

“เขียนอะไรไปเหรอ ในใบสมัคร?”

เค้าถามว่ามีอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้อยากจะวิ่งครั้งนี้ และคิดว่าจะหาเงินยังไง ผมตอบแบบที่ผมเขียนไปในตอนที่ 1 และก็บอกเค้าไปว่าจะเอาเงินจากการเลิกกินแอลกอฮอล์ของผมลงเดือนละ $200 จากวันนี้ถึงวันวิ่งก็ห้าเดือน ก็จะมี $1,000 ชัวร์ๆ ส่วนที่เหลือผมบอกตามตรงว่าผมไม่มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน แต่ตั้งแต่ผมวิ่งมาราธอนครั้งแรกจบ ผมจะทำอะไรก็ได้ในโลกใบนี้และมันจะสำเร็จเสมอถ้าตั้งใจ ผมมั่นใจว่าผมจะหาเงินได้

“ทำการกุศลกับ Michael’s Miracle ให้บ้านเด็กพิการ Hopkinson Respite ได้อะไรบ้าง?”

Michael's Miracle

บ้านเด็กพิการนี้เป็นองค์กรเล็กๆ ไม่เหมือนกับองค์กรใหญ่ๆ เช่น American Red Cross หรือ Dana Farber ซึ่งเค้ามีการจ้างโค้ชมาเทรนซ้อมมาราธอนให้กับนักวิ่งในทีม แต่นั่นหมายความว่า มันจะต้องมี overhead cost อีกมากมาย หลังจากทราบว่าทุกคนที่ทำงานให้บ้านเด็กพิการเป็น volunteer หมดและเงินที่เราหาได้จะตรงไปที่ครอบครัวของเด็กพิการเลยโดยไม่มีการหัก overhead cost เหมือนองค์กรใหญ่ๆ มันทำให้รู้สึกว่า สิ่งที่เราได้นี่แหละ ดีที่สุดแล้ว ได้อะไรน่ะเหรอ ก็ได้ทำบุญอย่างเต็มที่เพื่อคนที่เค้าต้องการจริงๆ… มันปังมาก…

thai-paralympic-athletes
นักกีฬาพาราลิมปิคชาวไทยใน Boston Marathon 2014

“เป็นคนไทยคนแรกรึป่าว ที่ได้วิ่ง Boston Marathon?”

ผมไม่ใช่คนไทยคนแรกนะครับ จำความได้เมื่อสิบปีที่แล้วเคยมีรุ่นพี่คนนึงที่รู้จักกันวิ่ง Boston Marathon และเมื่อสองปีที่แล้วมีนักกีฬาเหรียญทองพาราลิมปิคชาวไทย 2 ท่าน คือคุณประวัติ วะโฮรัมย์ และคุณเรวัตร์ ต๋านะ เข้าร่วมแข่งขันในประเภท wheelchair ด้วย คุณเรวัตร์คว้าอันดับที่ 10 ส่วนคุณประวัติก็นำมาตลอดแต่มาเกิดปัญหาลูกปืนล้อแตกทำให้ล้อไปสีบริเวณสะโพกจนเป็นแผลเกือบจะถอดใจ DNF แต่กองเชียร์ฝรั่งข้างทางเห็นธงชาติไทยบนเสื้อของเค้า และตะโกน Thailand Thailand เชียร์ตลอด เป็นแรงส่งให้คุณเรวัตร์หมุนล้อเข้าเส้นชัยจนจบ… มาราธอนต้องใช้ใจเท่านั้นครับ

“ปีนี้มีคนไทยคนอื่นวิ่งอีกมั้ย?”

ไม่ทราบเลยจริงๆ ครับ ถ้ามี ก็ขอให้ช่วยกันเชียร์นะครับ แล้วก็ไปเจอกันที่เส้นชัย จะมีกลุ่มเพื่อนกองเชียร์ของผมถือธงชาติไทยอยู่ ถ้าเห็นธงคุ้นๆ ก็พุ่งเข้าไปเลยฮะ

aim-high

ณ ตอนนี้ (13 เมษายน 2016) ยอดเงินบริจาคอยู่ที่ $5,681 ซึ่งเกินจากที่ Boston Marathon กำหนดขั้นต่ำไว้แล้ว ผมตั้งเป้าไว้ที่ $10,000 เพราะการตั้งเป้าให้สูงไว้ ถ้าหากเราไปไม่ถึงเป้า เราก็ยังอยู่ในจุดที่เหนือกว่าคนที่เค้าตั้งเป้าไว้ต่ำ (ขอบคุณ James Cameron) นะครับ ผมขอขอบคุณทุกๆ ท่านที่ติดตาม ช่วยเหลือ ร่วมทำบุญ และให้กำลังใจ รวมถึงน้องๆ ที่มาช่วยเล่นดนตรีทำกิจกรรม fundraising สนุกๆ… มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมได้อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมและกัลยาณมิตรที่ดี แม้บางท่านจะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ผมก็รู้สึกดีใจที่เราได้มาทำบุญยิ่งใหญ่นี้ด้วยกันนะครับ มีน้องคนนึงบอกผมว่าวันนี้หยุดกินสตาร์บัคแก้วนึง เอา $5 มาช่วยเด็กพิการ… มันยิ่งใหญ่เสมอนะครับ การที่เราสละส่วนน้อยหรือสิ่งที่เราไม่จำเป็นให้คนที่เขาขาดหรือต้องการ มันเป็นสิ่งที่ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่มากขึ้น ขอกราบอนุโมทนากับทุกๆ ท่านอีกครั้งนะครับ

ชีวิตคนเรามีจุดหักเหเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จุดหักเหเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจากการตัดสินใจของเราเสมอ คิดให้ดีทุกครั้งก่อนที่จะถอย มีคนอื่นอีกเยอะแยะที่เค้าอยากจะสู้แต่ไม่มีโอกาส

เชษฏ์ สุวรรณรัตน์
#วิ่งรอบโลก
#onmywaytobostonmarathon

One thought on “Almost there… Boston Marathon…

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *