Amsterdam Marathon 2021

amsterdam-marathon-2021

ช่วงปลายฤดูร้อนปี 2021 เป็นช่วงที่หลายประเทศในยุโรปเริ่มกลับมาจัดงานใหญ่ๆ กันได้แล้ว ตอนไปเดินเที่ยวเล่นอยู่หน้างาน Berlin Marathon 2021 ก็เห็นป้ายโฆษณางานวิ่งทั้ง Amsterdam และ Rotterdam แม้ว่าทั้งสองงานจะมีการจัดการที่ดี เส้นทางวิ่งที่เรียบพอๆ กัน แต่เคยมีเพื่อนนักวิ่งชาว Dutch แนะนำ Rotterdam Marathon มันเป็นงานที่เจ๋ง และไม่ commercial เท่า Amsterdam แต่ด้วยความที่ Rotterdam Marathon เวลากระชั้นชิดกับ NYC Marathon เกินไป ก็เลยเป็นไฟลท์บังคับให้เลือก Amsterdam Marathon โดยปริยาย

การวิ่งครั้งนี้เตรียมตัวน้อยมาก ทั้งเรื่องการซ้อม หรือแม้แต่แผนการเดินทาง มีเวลาแค่ 2 สัปดาห์ หาโรงแรมได้แถวใกล้ๆ Vondelpark ซึ่งข้อดีคือเดินทางไปไหนมาไหนค่อนข้างสะดวก อยู่ใกล้ย่านช้อปปิ้ง เดินเข้าใจกลาง Amsterdam ได้ และหวังว่าจะได้ตื่นเช้ามาซ้อมวิ่งเล่นๆ (สุดท้ายจริงๆ ไม่ได้ทำ) ส่วนการเดินทางก็ได้สายการบิน Lufthansa เป็นเส้นทาง BOS-FRA-AMS ขากลับ AMS-FRA-BOS

ตัดภาพมาถึงวันเดินทาง… ไฟลท์แคนเซิ่ล!!! ต้องปล้ำโทรไปสายการบินเพื่อหาไฟลท์ใหม่ เพราะไฟลท์ใหม่ที่สายการบินจัดให้ เป็นไฟลท์อีกวัน ซึ่งเราต้องการบินวันนี้ ไม่งั้นแผนทุกอย่างที่วางไว้จะพังเละ สุดท้ายยอมเสียเงินเพิ่มเพื่อที่จะได้บินวันเดิม

Amsterdam Airport

 

มาถึงสนามบิน Amsterdam Schiphol เราสามารถเข้าเมืองด้วยรถเมล์สาย 397 โดยเดินออกมาที่ bus platform #17-18 (มีจอ touchscreen ที่ซุ้ม information ว่าเราจะไปไหน ต้องทำยังไง จะเข้าเมือง ไปตรงไหน มีรถเมล์หรือรถไฟกี่แบบ) รถเมล์เข้าเมืองราคา €6.50 จ่ายด้วยบัตรเครดิตบนรถเท่านั้น ไม่รับเงินสด นั่งประมาณ 30-40 นาทีก็ถึงตัวเมือง Amsterdam เอากระเป๋าเข้าที่พัก แล้วออกไปรับบิบ ซึ่งถ้านั่งรถเมล์ก็ประมาณ 4-5 ป้าย แต่ผมเลือกเดินเล่นตัด Vondelpark ไปแบบชิวๆ แล้วเดินไปตามถนนเรื่อยๆ ดูร้านค้าข้างทาง เจอกาแฟ เจอขนมก็แวะซื้อกินไป ระยะทางเกือบ 4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม ก็ถึง The Olympic Stadium ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่รับบิบแล้ว ยังเป็นจุด start และจุด finish ของ Amsterdam Marathon อีกด้วย สถานที่รับบิบเป็นการกางเต็นท์นอก stadium แบบง่ายๆ ไม่มีอะไรมาก ซุ้มนึงแจกเบอร์วิ่ง อีกซุ้มนึงแจกเสื้อ แล้วก็มีเต็นท์ขายสินค้าที่ระลึกของงานเล็กๆ ซึ่งเดินวนไปวนมาไม่ถึง 10 นาทีก็จบ

ตัดภาพมาที่ Race Day เลย ตื่นตอนเช้าลงไปหากาแฟทาน แล้วขึ้นมาเปลี่ยนชุดบนห้อง จ๊อกเบาๆ จากที่พักไปยังจุด start ซึ่งอยู่ใน The Olympic Stadium ผมปล่อยตัวอยู่ในบล็อคที่สาม งานดูยิ่งใหญ่เลยทีเดียว นักวิ่งกว่า 31,000 คน จาก 107 ประเทศ เป็นการกลับมาจัดงานแบบยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกของเมือง Amsterdam และเหมือนว่าอากาศเป็นใจ แดดไม่ร้อน อุณหภูมิประมาณ 12-15 องศา ตั้งใจวันนี้จะวิ่งสบายๆ ชมเมือง ชมวิวไปสวยๆ

ปล่อยตัวออกมาจากสนามกีฬา ก็มุ่งหน้าเข้าสู่ Vondelpark ซึ่งเป็นเหมือนปอดขนาดใหญ่ของ Amsterdam กองเชียร์สองข้างทางหนาแน่นและคึกคักทีเดียว ผ่ากลางสวนมาทางออกอีกด้านของ Vondelpark แล้วตรงมาที่ Rijksmuseum (เป็น museum ที่ดีมากๆ ของ Amsterdam ใครมา Amsterdam ครั้งแรกแนะนำว่าที่นี่คือหนึ่งในไฮไลท์เลย) เส้นทางวิ่งนำไปสู่ย่าน Zuidas ซึ่งเป็นเหมือนเมืองใหม่ เป็นย่านธุรกิจที่เต็มไปด้วยตึกสูง ธนาคารดังๆ บริษัทประกันระดับโลกทั้งหลาย แล้วก็กลับตัวมาคู่ขนานกับเส้นทางเดิมจนถึงจุด 10K checkpoint แล้วฉีกลงไปทางใต้เพื่อเลียบแม่น้ำ Amstel

จุดบริการจะมีน้ำ เกลือแร่ กล้วย ฟองน้ำ อยู่ทุกๆ 5 km เส้นทางเลียบแม่น้ำบรรยากาศดีมาก ได้เห็นความเป็นอยู่ของบ้านชานเมือง มีการทำฟาร์ม เลี้ยงสัตว์ ได้เห็นชาวบ้านมานั่งตกปลาริมแม่น้ำ เราอยู่ริมแม่น้ำทั้งฝั่งไปและกลับในช่วง 13-26 km ซึ่งก็มองเห็นกลุ่ม elite กลับตัวมาเรียบร้อยแล้วที่ฝั่งตรงข้าม เส้นทางพาไปวนรอบนอกของ Amsterdam ก่อนจะพากลับเข้าตัวเมือง ข้ามสะพาน Torontobrug มา ผ่านโรงงาน Heineken ด้วย แต่เค้าไม่แจก แอบเสียดาย จากนั้นก็มาผ่านด้านหลัง Rijksmuseum อีกครั้งก่อนจะกลับตามเส้นทางเดิมเพื่อผ่ากลาง Vondelpark กลับไปจบที่จุด Finish ใน The Olympic Stadium

คลิปนี้เก็บบรรยากาศอย่างละนิดอย่างละหน่อยของงานรับบิบและวันแข่ง ซึ่งในปี 2021 ก็จะดูบางเบาหน่อย เพราะจำนวนนักวิ่งเหลือเพียงครึ่งเดียว แต่ก็นับเป็นกลับมาจัดงานใหญ่ได้อย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง

องค์การสหประชาชาติได้เคยทำการวิจัยเรื่อง World Happiness เพื่อศึกษาและวัดค่าดัชนีว่าประชาชนในแต่ละประเทศใช้ชีวิตอย่างมีความสุขหรือไม่อย่างไร โดยวิเคราะห์จาก GDP, เสรีภาพในการใช้ชีวิต, การสนับสนุนทางสังคม, อายุขัยเฉลี่ย, ระดับการคอร์รัปชั่น ฯลฯ ปรากฏว่า Netherlands ก็ได้เข้ามาติดอันดับต้นๆ กะเค้าด้วย ประชาชนที่นี่ให้ความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก นิยมใช้จักรยาน หลายเมืองก็มีการสัญจรทางคลอง ซึ่งน้ำในแม่น้ำและคลองมีความสะอาด ในเมืองก็ยังขึ้นชื่อว่ามีอากาศที่บริสุทธิ์ด้วย ก็ไม่แปลกใจถ้าประเทศนี้ติดอันดับดัชนีความสุขระดับโลก

หนึ่งในประเทศที่ประชาชนมีความสุขติดอันดับโลก

Amsterdam เป็นหนึ่งในเมืองที่ผมชอบมากที่สุดในยุโรป มาหลายครั้งมาก ทุกครั้งที่มา layover ที่ Amsterdam ถ้าเกิน 6 ชั่วโมงก็จะนั่งรถออกมาเดินเล่น กินกาแฟ ดีกว่านั่งเบื่อรอไฟลท์ในสนามบิน

Highlights ใน Amsterdam

ถ้ามา Amsterdam สถานที่ท่องเที่ยว Top 5 ในความเห็นของผมคือ…

1. Amsterdam Canal ในย่านเมืองเก่ามีลำคลองต่างๆ ที่สมัยก่อนถูกใช้ในการสัญจรและการขนส่งต่างๆ ในปัจจุบัน ลำคลองเหล่านี้ได้เปลี่ยนมาใช้ในการท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยเฉพาะการล่องเรือไปตามลำคลอง เพื่อชมสถาปัตยกรรมในเมืองที่เป็นแบบ Spain ผสม Renaissance

2. Rijksmuseum พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สร้างขึ้นในปี 1800 ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัว Pierre Cuypers ตามแบบสไตล์ Gothic และ Renaissance ทำให้ทั้งภายในและภายนอกของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีความหรูหราอลังการราวกับพระราชวัง

3. Dam Square อยู่ใจกลางเมืองเก่า เต็มไปด้วยที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น Royal Palace, War Mermorial, New Church และอนุสาวรีย์แห่งเสรีภาพ ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์ให้กับผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2

4. Zaanse Schans หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง (นั่งรถไฟประมาณ 30 นาที) นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่น ถ่ายรูปกับกังหันลม

5. Red Light District เป็นที่เที่ยวแบบ 21+ อยู่กลางเมืองเก่า การให้บริการทางเพศที่นี่ถือเป็นอาชีพอิสระที่สุจริตและถูกต้องตามกฎหมาย และย่านนี้ก็จัดเป็นแหล่งค้าขายบริการที่ใหญ่ที่สุด

ไป Amsterdam แล้วควรลองกินอะไรบ้าง

  • Kroketten (Dutch Beef Croquettes) เป็นของทอดทานเล่นสไตล์ฝรั่งเศส มีไส้ ชุดเกล็ดขนมปัง แล้วนำไปทอด แต่ถ้าเป็นสไตล์ Dutch ที่ขึ้นชื่อจะเป็นไส้เนื้อ
  • Boerenkool Stamppot อาหารพื้นเมืองของ Dutch ทำจากมันบด (mashed potatoes) นำมาผสมกับผัก Kale แล้วเสิร์ฟคู่กับไส้กรอก
  • ปลา Haring จะเห็นร้านขายตามถนนทั่วไป เป็นปลาแฮร์ริ่งสดๆ ทานคู่กับหัวหอมใหญ่ และแตงกวาดอง อุดมไปด้วย omega-3 fatty acids อันนี้แนะนำเลยว่าต้องลอง
  • Stroopwafel เป็นวาฟเฟิลขนาดเล็ก 2 ชิ้นมาประกบกัน มีคาราเมลเป็นไส้ตรงกลางบางๆ ปกติผมจะชอบเอามาวางบนปากถ้วยกาแฟ ให้ไออุ่นจากกาแฟช่วยทำให้ Stroopwafel นิ่มลงนิดนึง แล้วก็ทานกับกาแฟได้อย่างเพลิน
  • Poffertjes ขนมทานเล่นจำพวกแพนเค้ก เป็นก้อนกลมๆ ทำจากแป้ง buckwheat หนานุ่ม ทานกับน้ำตาลไอซิ่งและเนยสด กลมกล่อมมาก
  • Oliebollen เป็นโดนัทสไตล์ Dutch/Belgian ทำจากแป้งผสมกับลูกเกด แล้วนำไปทอด มีความกรอบนอกนุ่มใน แล้วก็โดยด้วยน้ำตาลไอซิ่งอีกเช่นกัน
  • Pannekoeken อันนี้คือต้นตำรับของแพนเค้กที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ แพนเค้กแบบดั้งเดิมของ Dutch จะมีการใส่ทุกอย่างลงไป ใครชอบทานอะไรก็ใส่ลงไปได้เลย ทั้งชีส เบคอน แอปเปิ้ล ลูกเกด และอื่น ๆ อีกมากมาย

เล็กๆ น้อยๆ ที่เก็บมาฝากจาก Amsterdam

  1. Amsterdam มาจากคำว่า Amstel (ชื่อแม่น้ำ) และ Dam (เขื่อน) แปลตรงตัวว่า เขื่อนกั้นแม่น้ำ Amstel เมืองทั้งเมืองขยายออกมาจากพื้นที่ที่เคยเป็นเขื่อนกั้นแม่น้ำ ปัจจุบันไม่เหลือเค้าโครงเดิมของเขื่อนแล้ว บริเวณทั้งหมดกลายเป็นลานกว้างกลางเมืองเรียกว่า Dam Square ที่เป็นจุดท่องเที่ยวอย่างที่บอกไป
  2. เวลาเดินเล่นในบริเวณเมืองเก่าจะเห็นตึกหรืออาคารที่ดูเหมือนเอียงโน้มเข้าหาถนนเหมือนถนนทรุดแล้วตึกเอนจะล้มมาข้างหน้า แต่จริงๆ แล้ว อาคารพวกนี้ถูกสร้างให้โน้มหาถนนเพื่อง่ายต่อการขนของขึ้นอาคารโดยใช้รอก ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นเหมือนเป็นคานเล็กๆ ยื่นออกมาจากตึกแล้วมีตะขอแขวนรอก
  3. สมัยก่อนอาคารในเมืองถูกตีราคาตามความกว้าง ไม่ใช่พื้นที่ การเก็บภาษีก็ขึ้นกับหน้ากว้างของร้าน สะท้อนความเป็นเมืองท่าค้าขายในอดีตได้เป็นอย่างดี บ้านบางหลังหน้ากว้างแค่ขนาดประตู แต่ถ้ามองแบบ top view ผ่าน Google Maps จะเห็นบ้านใหญ่ข้างในพร้อมสวนแบบอลังการ
  4. Anne Frank และครอบครัวเคยย้ายมาอาศัยอยู่ที่ Amsterdam ประมาณ 10 ปีช่วงสงครามโลก โดยหนีมาจาก Frankfurt ในช่วง 2 ปีสุดท้าย เธอและครอบครัวแอบอยู่ในอาคารลับในส่วนหลังของบ้าน และเป็นช่วงที่เธอเริ่มเขียนบันทึก ซึ่งกลายเป็นหนังสือขายดีทั่วโลก ปัจจุบันบ้านหลังดังกล่าวกลายเป็นพิพิธภัณฑ์
  5. ร้านอาหารส่วนใหญ่จะทำกำไรจากน้ำดื่ม โดยขายน้ำแร่เป็นขวด แต่เราสามารถขอ tap water (น้ำก๊อก) ได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำแร่ น้ำก๊อกใน Amsterdam มีความบริสุทธิ์มากเพียงพอสำหรับการบริโภค
  6. ราคาอาหารทั่วไปอาจจะดูแพงกว่าอเมริกา แต่ถ้ามาคิดว่าที่อเมริกานั่งกินในร้านแล้วต้องจ่ายทิป 15-20% แล้วก็รวม ๆ ออกมาน่าจะพอๆ กัน
  7. ราคากาแฟค่อนข้างถูก Cappucino ประมาณ €3 เกือบทุกร้าน ราคาใกล้เคียงกันหมด ยกเว้น Starbucks ที่ราคากระโดดประมาณไป €5
  8. คำว่า Coffee Shop ไม่ใช่ร้านกาแฟ แต่เป็นร้านสูบกัญชา มีทุกแยกทุกถนนในเมืองประเทศนี้ค่อนข้างเสรี เดินตามถนนได้กลิ่นกัญชาทุกที่ ไม่ต้องซื้อสูบเอง ใช้สูดหายใจลึกๆ เอาก็ได้บรรยากาศ
  9. การมีเซ็กซ์ในสวนสาธารณะสามารถทำได้โดยไม่ผิดกฏหมาย มีเพียงแค่คำแนะนำเรื่องเวลาและการรักษาความสะอาด ตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ เป็นต้นไป จะเห็นการขายบริการทุกรูปแบบตามตึกในเขตเมืองเก่า ในย่าน Red Light District ที่บอกไป
  10. จักรยานคือผู้ยิ่งใหญ่บนถนน เกือบทุกถนนมีการแบ่งเลนชัดเจนสำหรับ คน จักรยาน รถยนต์และรถรางอย่างเป็นระเบียบ คนที่นี่มี skill การขี่จักรยานสูงมาก สามารถขี่หลบหลีกและเบียดได้อย่างแม่นยำ แม้จะมาด้วยความเร็วสูงก็ตาม

สำหรับคนที่อยากไปเที่ยว แนะนำให้พักแถว Central (Spuistraat), Jordaan, Leidseplein หรือ Museum District สำหรับใครที่สนใจอยากวิ่ง ก็ไปสมัครกันได้ที่ https://www.tcsamsterdammarathon.eu/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *