🇩🇰 งาน full marathon ในประเทศ Denmark ที่เป็น road race มีอยู่ในใจประมาณ 3 งาน คือ Copenhagen, Skagen และ Odense แต่ด้วยอะไรๆ หลายๆ อย่างทำให้ Copenhagen ดูจะเป็นเรซที่ลงตัว ในแง่การเดินทาง และการรวบให้เป็นหลายเรซที่อยู่ในทริปเดียว งาน Copenhagen Marathon จัดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 44 แล้ว เป็น AIMS Certified Course และมีตรา World Athletics มาค้ำยัน นอกจากนี้ยังมีงาน Copenhagen Half Marathon ในเดือนกันยายน ซึ่งจัดโดยผู้จัดเดียวกัน
☕️ ตื่นเช้าขึ้นมารู้สึกเปลี้ยๆ ไม่ได้อยากทานอะไร ตบกาแฟไปแก้วเดียว แล้วขึ้นรถไฟไปที่จุดปล่อยตัว ประเทศนี้ค่ารถไฟแพงมากนะ เอาจริงๆ แพงทุกอย่าง ค่าครองชีพสูงแบบน่ากลัวมาก ค่าเดินทางในโซน 1-2 ครั้งละ 24 DKK (ประมาณ 120 บาท) ซื้อตั๋วแล้วมีเวลา 90 นาที จะนั่งกี่ครั้งก็ได้ในโซนนั้นในช่วง 90 นาที โชคดีที่วันนี้มี special คือเป็น marathon event ticket ราคา 30 DKK (ประมาณ 150 บาท) ให้เวลา 12 ชั่วโมง ก็น่าจะเพียงพอกับการเดินทางไปจุดปล่อยตัว วิ่งเสร็จก็เดินทางกลับโรงแรมมาอาบน้ำ ตอนเย็นอยากออกไปหาอะไรทาน หรือเที่ยวแรดๆ ได้อีกนิดหน่อย เราไม่ได้เลือกโรงแรมใกล้จุดปล่อยตัว แต่เลือกพักอยู่ใกล้ๆ กับ Central Station เพราะเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกกว่า ไม่ได้คำนึงแค่วันวิ่ง แต่ต้องคำนึงถึงเวลาเที่ยวของวันอื่นๆ ด้วย
🏃♂️ที่สถานีรถไฟตอนเช้า มีแต่ฝูงนักวิ่ง ไม่ต้องกลัวหลง เดินตามคนที่มีบิบและมีถุงเป้ฝากของของงาน พวกเค้าลงสถานีไหน เดินไปทางไหน ก็ตามๆ เค้าไป… ที่จุดปล่อยตัวคึกคักมาก วันนี้มีนักวิ่งมากกว่า 12,500 คน และมีระยะ 42 KM เพียงระยะเดียว ถือว่าเป็นงานมาราธอนใหญ่อีกงานหนึ่ง ที่บริเวณจุดปล่อยตัว เลือกสถานที่ได้ดี คือใช้ Fælledparken เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีลานกว้าง จุคนหลักหมื่นได้ รอบข้างมีเต็นท์ฝากของ เต็นท์พยาบาล ห้องน้ำ และตู้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญสำหรับคนที่ต้องการฝากของมีค่า อยู่ติดกับสนามกีฬา ถ้าใครวิ่งเสร็จ ก็สามารถไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด แล้วก็เดินทางกลับบ้านได้ (มีนักวิ่งจาก Sweden ที่นั่งรถไฟกลับทันทีหลังวิ่งเสร็จ ก็จะใช้วิธีนี้)
☝️ที่จุดปล่อยตัว แบ่งเป็นสีตามความเร็ว มีสีแดง เหลือง เขียว ฟ้า ส้ม… แต่ก็ไม่ได้บังคับว่าจะต้องไปเข้าบล็อคให้ตรงกับสีของเรา ใช้ระบบเชื่อใจกัน พี่กรอยู่สีฟ้า ผมอยู่สีส้ม แต่ตอนเวลาที่ใกล้ปล่อยตัว เหมือนคนพยายามเบียดเสียดกันเข้าบล็อค สีที่อยู่ตรงหน้าคือเขียว หันไปมอง ถ้าจะเข้าบล็อคให้ถูกสี ต้องเดินย้อนไปอีกไกลโพ้น ขาก็ยังเปลี้ยจากเมื่อวาน… เข้าตรงนี้แหละ 😂 มองดูลูกโป่งสีเขียว เห็นเวลา 3:20, 3:30 แล้วก็ถอนหายใจเบาๆ… เวลา 9:30 น. นับถอยหลังปล่อยตัวออกไป พยายามวิ่งชิดไปด้านข้าง ให้ขาแรงเค้าแซงไป
☀️อากาศตอนปล่อยตัวประมาณ 15 องศา มีเมฆเล็กน้อย กำลังดี ผ่านไปประมาณ 5 KM เมฆก็หายไปหมด แดดสว่างจ้ามาแบบตรงๆ เอาแว่นกันแดดที่เสียบไปบนหมวกลงมาใส่ เริ่มเห็นโป่งสีฟ้า 3:40, 3:50 ค่อยๆ แซงไป ผู้จัดเหมือนเตรียมตัวมาดีว่าวันนี้แดดร้อน มีสายยางมาสเปรย์น้ำให้นักวิ่งวิ่งผ่านน้ำ บรรเทาความร้อนได้บ้าง… ช่วงท้ายๆ แทบไม่มีคนวิ่งกลางถนนเลย ไปวิ่งริมฟุตบาทแบบมีเงาตึกบังกันหมด นักวิ่งหลายคน (ที่ไม่ชินอากาศร้อน) เป็น heat stroke กันเยอะมากๆ นอนแผ่กันข้างทาง ทีมผู้จัดก็มาปฐมพยาบาลกันไป
🥛ที่จุดบริการทุกๆ ประมาณ 5 KM จะมีน้ำดื่ม ต่อด้วย sport drink แล้วตบท้ายปิดที่น้ำดื่มอีก บางจุดจะมีวาสลีนและห้องน้ำให้ด้วย ช่วงแรกๆ โต๊ะน้ำรินน้ำกันไม่ทัน แต่จริงๆ แล้วน่าจะเป็นนักวิ่งเองที่ไม่รู้ ว่าโต๊ะน้ำเค้ายาวมากๆ คนมาออยืนรอน้ำ เจ้าหน้าที่โต๊ะแรกก็พยายามเทน้ำมือเป็นระวิง อาจจะเป็นเพราะอากาศร้อนแห้งด้วย รู้สึกอยากดื่มน้ำตลอดเวลา ปากแห้งตลอดเวลา แดดก็แสบผิวเหลือเกิน นี่นอกจากดื่มน้ำแล้ว ยังเอาน้ำราดหัวบ่อยมาก บางจุดมีกล้วย เจล… โต๊ะกล้วยก็เหมือนหั่นกล้วยกันไม่ทัน… ต้องวิ่งอ้อมไปหลังโต๊ะ เปิดลังกล้วยเอง หยิบมาทั้งลูกเลย จะหั่นให้เสียเวลาเพื่อ!
🏃♂️เส้นทางวิ่งวันนี้เป็นเส้นทางใหม่ ไม่เหมือนกับปีก่อนๆ เดาว่าสาเหตุที่เปลี่ยนเพราะเดิมจุดปล่อยตัวและเส้นชัยอยู่ที่บริเวณ Islands Brygge ซึ่งมีข้อจำกัดด้านพื้นที่และการเดินทาง มาอยู่ใกล้ Fælledparken ซึ่งเปิดโอกาสให้งานได้เติบโตมากขึ้น หากอนาคตจะรับจำนวนนักวิ่งให้มากขึ้นกว่านี้… งานวันนี้ปิดถนน 100% แต่มีการวิ่งซ้ำ วนไปวนมาอยู่หลายจุด เอาจริงๆ คือพยายามวนให้มันครบ 42 แหละ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบแบบนี้เท่าไหร่ แต่เส้นทางก็ได้ผ่าน attractions ต่างๆ ของเมืองหลายจุดอยู่นะ บางจุดเป็นถนนหิน (cobble stones) วิ่งแล้วเจ็บเท้ามากๆ ถ้าไม่นับจุดนี้ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง fast & flat course เส้นทางเรียบมากๆ แทบจะไม่มีเนินเลย มีสะพานที่ไม่ชันมากอยู่แค่ 2-3 แห่ง
👋🏼 หลังจาก Christiansborg Palace (ประมาณ KM 16) แล้วจากนั้นความทรมานกลางแดดก็เริ่มขึ้น มีความรู้สึกท้ออยู่ในทุกกิโลเมตร แต่ไม่มีความคิดจะ DNF นะ เกิดมายังไม่เคย และคิดว่าเราไม่ได้มาวิ่งทำเวลาอะไร เราแค่มาสะสมประเทศ ค่อยๆ เคาะไป เอาเท่าที่ขาเราไหว เดินๆ วิ่งๆ ยังไงก็จบ ท่องในใจ มั่นใจว่าจบ…
📣 กองเชียร์สองข้างทางก็สนุกใช้ได้นะ แม้จะไม่ว้าวเหมือน world major แต่ก็มีสไตล์น่ารักๆ ในแบบครอบครัว พ่ออุ้มลูกมาเชียร์แม่ แม่เข็นลูกมาเชียร์พ่อ เด็กตัวเล็กๆ ยื่นมือเรียงกันขอ hi5 เราก็เลยสนุกไปกับเด็กๆ ที่ก็ยังอดทนยืนเชียร์เรากลางแดดเช่นกัน
🏁 เลี้ยวสุดท้ายก่อนเข้าเส้นชัย มีกองเชียร์เยอะมาก รู้สึกฮึกเหิม ว่ามันใกล้จะจบแล้ว ผ่านเส้นชัยเข้าไป ก็รับเหรียญ มีแจกน้ำ energy bar กล้วย แล้วก็รีบไปรับของฝาก… โดยรวมแล้วเป็นเรซที่โอเคเลยทีเดียว ถ้าให้มองเช็คลิสต์ต่างๆ ก็นับว่าผ่านหมดทุกข้อ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการของเรซ เส้นทางวิ่ง infrastructure ของเมือง การมีส่วนร่วมของคนเมือง รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมอื่นๆ ที่ทำได้หลังจากเรซ ทำให้ Copenhagen Marathon น่าจะเป็นอีกเรซที่น่าสนใจสำหรับใครที่อยากหาสนามใหม่ๆ ในต่างประเทศ ข้อเสียอย่างเดียวที่นึกได้ตอนนี้ คือราคา 😂 เพราะ Denmark เป็นประเทศที่แพงจริงๆ
🚄 สำหรับคนที่จะมา Copenhagen การเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง สะดวกมากๆ ซื้อตั๋วที่ตู้ใน terminal ได้เลย หรือจะโหลดแอพชื่อ DOT Tickets ก็ได้ สนามบินอยู่ในโซน 3 ถ้าจะเข้าเมืองก็ต้องซื้อตั๋วโซน 2-3 ราคาเที่ยวละ 30 DKK (ประมาณ 150 บาท) เลือกได้ว่าจะนั่งรถไฟ (ลงไปข้างล่าง ถ้าเป็นรถเร็วก็ 15 นาที ถ้าเป็นรถหวานเย็นก็ 30 นาที) หรือขึ้น Metro M2 ต่อด้วย M3 (ขึ้นบันไดเลื่อนไปด้านบน ใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที แล้วแต่ปลายทาง) แนะนำให้ดูตารางรถไฟบนหน้าจอ เปรียบเทียบกับตาราง metro ใน Google Maps เพราะบางทีใน Google Maps จะไม่มีตารางของทุกขบวน