TCS London Marathon 2022
วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม 2022
ปีนี้เป็นปีที่การวิ่งเลื่อนมาจัดขึ้นในเดือนตุลาคม (ปกติจัดวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 4 ของเดือนเมษายน) อากาศใน London ต้นเดือนตุลาคมนับว่าโอเค เย็นสบายๆ เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงเข้าฤดูหนาว ได้เห็นสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนสี



ก่อนวิ่ง
อากาศเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ซึ่งเป็นเรื่องปกติเวลาอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่างฤดู คนอื่นๆ อาจจะลุ้นกันว่าวันวิ่งจะมีฝนมั้ย ต้องเปิดพยากรณ์อากาศดูแทบทุกชั่วโมง ส่วนตัวชินกับอากาศแบบนี้อยู่แล้ว จะหนาว จะฝน มาได้เลย พร้อมเสมอ เตรียมชุดวิ่งไว้ 2 ชุดวางไว้หัวเตียง ถ้าอากาศหนาวแบบเลขตัวเดียว จะเป็นแขนยาว ขายาว ถ้าอากาศประมาณ 10-15 องศา จะเป็นแขนสั้น ขาสั้น ไว้ไปตัดสินใจเอาตอนตื่นวันพรุ่งนี้
วันวิ่ง
ตั้งนาฬิกาปลุก 6:45 เดินลงไปซื้อกาแฟ กับเบเกอรี่ข้างล่าง แถวโรงแรม… ข้อดีของการมาวิ่งต่างประเทศมันดีแบบนี้ ได้นอนเต็มอิ่มในเวลาที่สมควรนอน ตื่นในเวลาที่สมควรตื่น รับประทานอาหารเช้าสบายๆ มีเวลาทำธุระส่วนตัว แล้วค่อยออกเดินทางไปจุดปล่อยตัว ขึ้นรถไฟจากโรงแรมไปจุดปล่อยตัวง่ายๆ วันนี้นักวิ่งที่มีบิบนั่งรถไฟฟรี ที่จุดปล่อยตัวแบ่งเป็น 3 โซน 3 สี นักวิ่งจำนวนมากจะได้ไม่แออัด ทุกสีไหลมารวมบรรจบกันประมาณกิโลเมตรที่ 5



ตอนออกจากโรงแรม ใส่เสื้อคลุมและกางเกงวอร์มทับมา พอมาถึงจุดปล่อยตัว ทานน้ำ ทานเกลือแร่ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย มีจุดฝากของ ยืนอุ่นอยู่แถวนั้นให้ถึงนาทีสุดท้ายก่อนจะปิดเข้าบล็อค ก็รีบถอดเสื้อคลุมและกางเกงวอร์มออก ใส่ถุงฝากของ แล้วรีบวิ่งไปเข้าบล็อค อากาศหนาว แต่ยืนกระโดดๆ ให้ร่างกายอุ่น เริ่มมีฝนพรำๆ เบาๆ
ปล่อยตัว
ปล่อยตัวออกไป อากาศดี ลมเย็นๆ ไม่มีแดด เป็นอากาศที่ชอบเลย ร่างกายสดชื่นจากคาเฟอีนในกาแฟเมื่อเช้า… ความตั้งใจวันนี้คือจะมาแก้มือ sub4 ของสนามนี้ เมื่อปี 2019 มาวิ่งสนามนี้ เผลอสะดุดเหยียบขวดน้ำแล้วหกล้ม พอลุกขึ้นมาก็เป็นตะคริวไปทั้งตัว ทนเดินไป น้ำตาไหลไป จนจบที่เวลา 4:04 พลาด sub4 ไป ปีนี้เลยตั้งใจว่า เราจะมาทำ 3:59 ก็พยายามคุมเพซ 5:30-5:35 ไป เผื่อเหลือเผื่อขาดนิดหน่อย เพราะเดี๋ยวต้องมีแวะถ่ายรูป แวะถ่ายวีดีโอ แวะเช็คอินห้องน้ำอีก รู้สึกตัวว่า เราวิ่งมาเยอะมากแล้ว มากจนที่เราสามารถกำหนดเวลาจบของเราได้ การคิดคำนวณเพซในสมองคือลื่นไหลมาก ตอนนี้อยู่ที่กิโลเมตรไหน ใช้เวลาไปแล้วเท่าไหร่ ต้องวิ่งเพซอะไรจากตรงนี้ถึงจะได้เวลาที่ต้องการ ทุกอย่างเป็นตัวเลขวิบวับในหัว เรียนเศรษฐศาสตร์ปริมาณวิเคราะห์มาอะนะ คือถึงแม้จะไม่เคยขึ้นเรียนเลยก็ตาม มันก็ยังมีอะไรหลงเหลือในหัวอยู่บ้าง

เส้นทางวิ่งของ London Marathon ส่วนใหญ่เป็น rolling แบบเบาๆ ถ้าให้เทียบความยากของสนาม จะให้อยู่ที่ความรู้สึกเดียวกับสนาม Tokyo Marathon คือง่ายกว่า Boston และ New York แต่ยากกว่า Berlin และ Chicago

วิ่งตามเส้นทางมาเรื่อยๆ ด้วยเสียงกองเชียร์สองข้างทางสลับกับวงดนตรีต่างๆ ก็จะมาเลี้ยวขวาที่ประมาณกิโลเมตรที่ 20 สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าจะเป็นความว้าวที่สุดของเส้นทางวิ่ง London Marathon นั่นคือ The Tower Bridge ที่ตั้งตระหง่าน เราจะวิ่งลอด Tower ทั้งสองไป มันฮึกเหิม มันยิ่งใหญ่มากๆ สัมผัสความยิ่งใหญ่ให้เต็มที่ ด้วยการวิ่งอยู่เลนกลางสะพานไปเลย เพราะพอลอดผ่าน tower ที่สองไป ช่างภาพจะอยู่ตรงกลาง (และเค้าใช้เลนส์ wide) เตรียมแอ็คดี… พอลงจากสะพานไป เลี้ยวขวาจะถึงจุด check point ของระยะ half marathon ถ้าเราวิ่งเป็นคนวิ่งเร็ว (วิ่ง half marathon เร็วกว่า 1:35 ชั่วโมง) เราอาจจะสวนกับกลุ่มนักวิ่ง elite ตรงนี้ได้ (ปี 2019 วิ่งมาถึงตรงนี้ สวนกับ Kipchoge พอดี)

ตอนถึงหน้า Buckingham Palace ก้มดู Garmin เป็นเวลา 3:57 ก็ถือว่าตามเป้าพอดีเป๊ะๆ อีก 500 เมตรข้างหน้า เราก็จะเข้าเส้นชัยทัน sub4 พอดี ถือว่าล้างแค้นสนามนี้สำเร็จ
มาราธอนคือการพิสูจน์การซ้อมของเรา ไม่มีคำว่าทางลัด สำหรับผมการวิ่ง 42 กิโลเมตร เป็นเรื่องชินมากๆ แล้ว สามารถวิ่งได้ทุกวัน อยู่ที่ว่าเราต้องการทำเวลาหรือไม่เท่านั้นเอง ขอให้ทุกคนสนุกและมีความสุขกับสนามนี้นะครับ
Pingback: TCS London Marathon 2024 - LET'S RUN THE WORLD
Pingback: TCS London Marathon 2025 - LET'S RUN THE WORLD