ยินดีต้อนรับสู่ Boston Marathon
Boston Marathon เป็นงานมาราธอนประจำปีที่เก่าแก่ที่สุดในโลก จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1897 หลังจากการจัดงานมาราธอนแรกของโลกในงานโอลิมปิคที่กรุง Athens ในปี 1896 เส้นทางวิ่งของ Boston Marathon ยังคงเหมือนเดิมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เป็นการวิ่งแบบ point-to-point ผ่านเมืองต่างๆ ทั้งหมด 8 เมือง ได้แก่ Hopkinton, Ashland, Natick, Framingham, Wellesley, Newton, Brookline และ Boston เป็น World Marathon Major เพียงงานเดียว ที่ไม่มีการคัดเลือกเข้าแข่งขันด้วยระบบ lotto
การแข่งขันจะจัดขึ้นทุกวันจันทร์ที่สามของเดือนเมษายนของทุกปี ตรงกับวัน Patriot Day ซึ่งเป็นวันหยุดประจำปีของเมือง Boston
การเดินทางไป Boston
1. กลุ่มตะวันออกกลาง




2. กลุ่มยุโรป







3. กลุ่มเอเชีย



การเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง
จากสนามบิน Boston Logan Airport สามารถเดินทางเข้าตัวเมือง Boston ได้หลายวิธี
(1) Logan Express Bus
เป็นรถ bus ที่วิ่งระหว่างสนามบินและจุดต่างๆ ใน Massachusetts สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเมือง Boston ให้เลือกเส้นทาง Back Bay น่าจะเป็นวิธีที่ประหยัดและสะดวก ราคาต่อเที่ยว $3 ใช้เวลาเดินทางเพียง 30 นาที อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ massport
* รถจะมาส่งที่ Back Bay (บริเวณหน้า Prudential Center)
(2) MBTA
เป็นระบบขนส่งสาธารณะ โดยสามารถเลือกเดินทางได้สองวิธี ($2.40)
2.1 ใช้ Blue Line
A. จาก terminal ขึ้นรถ shuttle bus (ฟรี) สาย 22, 33, 55, 66 มาลงที่ป้าย subway “Airport”
B. ซื้อตั๋วรถ subway ที่ตู้ ($2.40) แล้วขึ้นรถไฟ Blue Line (Bowdion) เข้าเมือง
2.2 ใช้ Silver Line
A. ซื้อตั๋วรถ subway ที่ตู้ใน terminal ($2.40) ขึ้นรถบัส Silver Line SL1 จากหน้า terminal มาลงที่ South Station
C. เปลี่ยนเป็นรถไฟ Red Line (Alewife) เข้าเมือง
(3) Taxi หรือ Uber
เป็นอีกวิธีที่สะดวก ถ้ามีกระเป๋าสัมภาระและเดินทางกัน 2-3 คน เพราะมาส่งถึงหน้าโรงแรมได้เลย ราคา Taxi หรือ Uber ปกติตกอยู่ที่ประมาณ $25-30 ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสภาพการจราจรในตัวเมือง (ใช้เวลาเดินทาง 15-20 นาที)
การเลือกที่พัก
การเดินทางใน Boston
ระบบการเดินทางขนส่งสาธารณะใน Boston ชื่อ MBTA ใช้สัญลักษณ์ด้วยตัวอักษร T ในวงกลมอัตราค่าโดยสารเป็นแบบ flat rate ต่อครั้ง (ไม่ได้ไปตามระยะทาง) เราสามารถใช้บัตรเติมเงิน Charlie Card หรือจะซื้อ 1-Day Pass ($11) หรือ 7-Day Pass ($22.50) ก็ได้
สามารถซื้อตั๋ว Charlie Card ได้ตามตู้อัตโนมัติที่สถานี และในสนามบิน ไม่สามารถใช้บัตรเครดิตแตะบนรถไฟหรือรถเมล์ได้ ทุกคนต้องซื้อ Charlie Card ก่อน (จ่ายด้วยบัตรเครดิตที่ตู้ได้)



ค่าโดยสาร Subway (รวมถึงรถ Silver Line Bus) ราคา $2.40
ค่าโดยสารรถเมล์ราคา $1.70 (2 ชั่วโมง)
ถ้าขึ้นรถเมล์ แล้วต่อด้วย subway ภายใน 2 ชั่วโมง จะจ่ายเพิ่มอีก $0.70 (รวมเป็นอัตราค่าโดยสารสูงสุด $2.40) ถ้าขึ้น subway จะสามารถขึ้นรถเมล์ต่อได้ฟรีในช่วง 2 ชั่วโมง
สถานที่รับบิบ
Hynes Convention Center
900 Boylston St, Boston, MA 02115
Friday, April 14: 11:00AM – 6:00PM
Saturday, April 15: 9:00AM – 6:00PM
Sunday, April 16: 9:00AM – 6:00PM

เส้นทางวิ่ง
เมื่อได้ยินคำว่า “Boston Marathon” มันคือที่สุด มันคือความฝันของใครหลายๆ คน ที่คิดว่าจะได้มาวิ่งบนเส้นทางนี้สักครั้งในชีวิต เราจะพาคุณไปสัมผัสตำนานของเส้นทางมาราธอนประจำปีที่เก่าแก่ที่สุดในโลกไปด้วยกัน เส้นทางแบบ point-to-point ที่เปิดประเดิมด้วยทางลงเขาที่รวดเร็ว และทางลาดที่อาจจะทำให้เราตายใจ ต่อด้วยเนินเล็กใหญ่แบบไม่มีพัก จนไปถึงเนินลูกสุดท้าย “Heartbreak Hill” ก่อนที่จะเข้าสู่เส้นชัยอันทรงเกียรติในเมือง Boston
ไม่ว่าจะได้เข้ามาวิ่ง Boston Marathon ปีนี้เป็นครั้งแรก หรือมีเสื้อแจ็กเกตที่ปักเลขปีเรียงติดกันมานับไม่ถ้วน ต่อไปนี้เป็นวิธีการจัดการกับแต่ละส่วนของเส้นทาง เราจะมาสับเป็นชิ้นๆ ให้ฟัง


จุดฝากของ
อยู่ที่บริเวณถนน Boylston หน้าห้าง Nordstrom Rack เปิดรับฝากของเวลา 5:45 – 9:15 น. แนะนำให้ฝากเสื้อคลุมกันหนาว เสื้อกันฝน รองเท้าแตะ ฯลฯ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องการใช้หลังจากเข้าเส้นชัย ทุกอย่างต้องใส่ในถุงใสที่แจกให้จากงาน expo เท่านั้น ไม่รับถุงหรือกระเป๋าอื่น และต้องติดเบอร์บนถุงให้เรียบร้อย ไม่อนุญาตให้นำถุงฝากของขึ้นไปบนรถ shuttle bus ดังนั้นควรฝากของให้เสร็จก่อนเดินไปขึ้นรถ
จุดขึ้นรถ shuttle bus
อยู่ที่บริเวณถนน Charles ระหว่าง Boston Common และ Boston Public Garden ไม่อนุญาตให้นำกระเป๋าหรือถุงอื่นๆ ขึ้น shuttle bus จะมีการแจกถุงใสอีก 1 ถุงจากงาน expo จุดประสงค์เพื่อให้ใส่อาหารเพื่อไปรับประทานก่อนเวลาปล่อยตัว shuttle bus อนุญาตให้นักวิ่งที่มีบิบเท่านั้น ที่จะได้ขึ้นรถ แนะนำให้เตรียมเสื้อคลุมกันหนาว หรือกันฝน ที่สามารถโยนทิ้งหรือบริจาคได้ติดตัวไปด้วย เพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกายให้อบอุ่นก่อนถึงเวลาปล่อยตัว
จุดปล่อยตัว
เมื่อรถ shuttle bus มาถึง ทุกคนจะมาอยู่ที่ Athlete’s Village ซึ่งเป็นสนามของ Hopkinton Middle School และ High School ที่จุดนี้ จะมีน้ำดื่ม เครื่องดื่มเกลือแร่ และห้องน้ำให้ เมื่อถึงเวลาปล่อยตัวของแต่ละ wave/coral นักวิ่งจะต้องเดินจาก Athlete’s Village ไปที่ start line (ระยะทางประมาณ 1 กม.) นักวิ่งจะไม่สามารถเปลี่ยนขึ้นไปอยู่ใน wave/coral ที่เร็วกว่าได้ แต่สามารถเลื่อนลงไปอยู่ใน wave/coral ด้านหลังที่ช้ากว่าได้ หากเข้า wave/coral ของตัวเองไม่ทัน
ในแต่ละปี มีนักวิ่งประมาณ 25,000 – 30,000 คน ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ สำหรับจุดปล่อยตัวในเมืองชนบทเล็กๆ อย่าง Hopkinton กว่า wave/coral สุดท้ายจะปล่อยตัว นักวิ่ง elite อาจจะใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว
Hopkinton
เมื่อสัญญาณปล่อยตัวดังขึ้น พยายามควบคุมสติ วิ่งออกไปจากจุด start จะเป็นเนินลงเล็กน้อย ต่อด้วยเนินขึ้นระยะสั้นๆ แล้วจะค่อยๆ ดิ่งลงเรื่อยๆ ในช่วง 2 กิโลเมตรแรก รวมแล้วเทียบได้กับตกจากตึกความสูง 13 ชั้น ด้วยความที่ Hopkinton เป็นเมืองในชนบทเล็กๆ ถนนเส้นหลักจึงเป็นแค่ถนน 2 เลน ใช้ความระมัดระวัง ไม่ต้องมุดไปมุดมาให้เสียแรง ประคองเพซให้นิ่งสำหรับการวอร์มอัพ
Ashland
กองเชียร์จะเริ่มค่อยๆ บางตาลง ถนนจะเริ่มกว้างขึ้น บ้านเรือนจะค่อยๆ กลายเป็นร้านค้าต่างๆ เส้นทางยังคงขึ้นๆ ลงๆ (rolling) ไปเรื่อยๆ ผ่านระยะ 5K จะเห็นตึกที่มีนาฬิกาอยู่ที่สี่แยก แม้จะไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่นี่เป็นอนุสรณ์ให้ระลึกถึง เนื่องจาก Ashland เป็นบ้านเกิดของ Henry E. Warren ผู้ที่ประดิษฐ์คิดค้นนาฬิกาไฟฟ้า เนินระหว่างทางจะค่อยๆ ชันขึ้นเรื่อยๆ จนก่อนถึงระยะ 10K
Framingham
ที่สถานีรถไฟ Framingham เสียงเชียร์จะดังขึ้นขึ้นอีกครั้ง เพราะกองเชียร์สามารถนั่งรถไฟจากในเมืองมาสุดสายได้ที่นี่ ความเป็นชนบทเริ่มหมดไป รู้สึกได้ถึงความเป็นเมืองค่อยๆ เพิ่มขึ้นๆ จะเริ่มเห็นโรงงาน สำนักงาน ร้านค้า ตามสองข้างทาง
Natick
ช่วงนี้จะได้พักหายใจ เพราะเส้นทางวิ่งจะค่อนข้างเรียบ เมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ ของเส้นทางวิ่ง จะวิ่งผ่าน Fisk Pond ทางขวา ไม่ค่อยมีร่มเงาเท่าไหร่ ดังนั้นควรทาครีมกันแดดไปด้วย เมื่อถึง Natick Center จะเห็นโบสถ์ First Congregational Church เด่นชัดทางซ้ายมือ กองเชียร์หนาแน่น
Wellesley
ผ่าน Natick จะเข้าสู่พื้นที่สีเขียว ร่มรื่น สงบ ช่วงประมาณกิโลเมตรที่ 19-20 เส้นทางค่อนข้างลาดลงเนิน แล้วก็ไต่ระดับกลับขึ้นไป จนได้ยินเสียงดังมาแต่ไกล เป็นเสียงเชียร์จาก Scream Tunnel หน้า Wellesley College ซึ่งมีนักศึกษาสาวมาชูป้าย เต้น โบกมือเชียร์ จนเข้าสู่ checkpoint ระยะ half marathon มีช่างภาพรอจับภาพอยู่เหนือ checkpoint
จากนั้น เส้นทางจะเริ่ม rolling อีกครั้ง จนเป็นเนินชันความยาวเกือบ 1 กิโลเมตร เราจะวิ่งข้ามผ่าน freeway ซึ่งอาจจะได้ยินรถที่วิ่งอยู่ใน freeway ข้างล่างบีบแตรขึ้นมาเชียร์เรา ไม่แน่ใจว่าสภาพอากาศในวันแข่งจะเป็นอย่างไร อาจจะเจอแดด อาจจะลมแรง อาจจะฝนตก จุดนี้น่าจะเป็นจุดที่ได้เจอครบหมด แล้วเส้นทางค่อยๆ ลาดลง มาที่ ผ่าน Newton Wellesley Hospital วิ่งสบายๆ เรียบๆ ถ้าสังเกตดีๆ ตั้งแต่ปล่อยตัวมา เราวิ่งเป็นเส้นตรงตลอด เราจะทำการเลี้ยวขวาครั้งแรกที่นี่ เห็นสถานีรถดับเพลิงอยู่ทางขวามือ
Newton
ช่วงรอยต่อระหว่าง Wellesley และ Newton เป็นที่อยู่อาศัยที่สงบ จะเห็นบ้านหลังใหญ่โตตลอดสองข้างทาง นับเป็นที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดในรัฐ Massachusetts เมือง Newton ได้ชื่อว่าเป็น the safest town in the USA (เมืองที่ปลอดภัยที่สุด มีอาชญากรรมเกือบเป็น 0)
ชื่นชมบ้านและคฤหาสน์ข้างทางอยู่ได้ไม่นาน ความบันเทิงจะเริ่มขึ้น ด้วยเนินที่ไม่ได้ชันมาก แต่จะสร้างความหนืดให้กับเราพอสมควร และไม่ใช่แค่เนินเดียว ต่อด้วยเนินที่สอง ซึ่งก็แทบจะทำให้เราหมดแรงอยากจะเดินแล้ว เห็นรูปปั้นของ John Kelly อดีตแชมป์ Boston Marathon จนมาถึงเนินปราบเซียน Heartbreak Hill ที่ป้ายไมล์ที่ 20 ของ Boston Marathon เห็นหุ่นแกะสลักไม้ The Running Man อยู่ทางขวามือ เมื่อไต่ถึงยอด Heartbreak Hill ก็นับว่าผ่านความยากของสนามนี้มาได้เกือบหมดแล้ว
เส้นทางจะค่อยๆ ลาดลง เห็นตึก Boston College เด่นเป็นสง่าอยู่ทางขวามือ ตรงนี้เราจะแอบผ่านเข้าไปอยู่ในเขต Brighton ซึ่งนับเป็นพื้นที่ของ Boston อยู่แว้บนึง ก่อนที่จะเลี้ยวขวาลงเนินมาที่ Cleveland Circle เราจะทำการเลี้ยวโค้งไปทางซ้ายตามถนน Beacon ใช้ความระมัดระวัง พื้นถนนที่มีรางรถไฟให้ดี
Brookline
บนถนน Beacon เราจะวิ่งคู่กับรถ tram สายสีเขียว ซึ่งปกติวิ่งช้ามากๆ ถ้าใครมั่นใจว่าวิ่งได้เร็วกว่ารถไฟก็ลองดู เส้นทางยังมีเนินซึมๆ ประปรายอยู่เรื่อยๆ กองเชียร์ที่ Coolidge Corner จะหนาแน่นมากๆ และยาวไปตลอดสองข้างทาง
Boston
เราจะมองเห็นป้าย CITGO อยู่แต่ไกล เมื่อข้ามสะพานที่กิโลเมตร 40 เราจะเข้าเขต Boston มองเห็นไฟสนาม Fenway ทางขวาสว่างไสว จะมีการแข่งขันเบสบอลของทีม Boston Red Sox ในวันเดียวกัน ลงจากสะพานมาเลี้ยวขวาที่ Kenmore Square ตรงไปมองเห็นป้าย Boston Strong อยู่ตรงหน้า การ rolling ยังมีไม่หยุด ยังต้องลงอุโมงค์ ขึ้นจากอุโมงค์ เลี้ยวขวาเข้าถนน Hereford เป็นเนินซึมๆ เนินสุดท้าย ก่อนที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Boylston ตรงเข้าเส้นชัย ด้วยเสียงเชียร์กระหึ่มสองข้างทาง
บริเวณเส้นชัย
เมื่อเข้าเส้นชัยแล้ว ให้ตรงไปรับเหรียญ Unicorn ต่อด้วยซุ้ม Abbott สำหรับเหรียญ Six Star Finisher เดินตรงอย่างเดียว ผ่านซุ้มเครื่องดื่มเกลือแร่และ snack ก็จะมาถึงจุดฝากของ เมื่อรับของที่ฝากเรียบร้อย เดินตรงมาจนออก exit ด้านฝั่งถนน Arlington
ผลการแข่งขัน
แนะนำให้ดาวน์โหลด B.A.A Racing App เพื่อติดตามนักวิ่งและตรวจสอบเวลาอย่างไม่เป็นทางการ ทั้ง iOS และ Android