ข้อมูลสำหรับนักวิ่ง London Marathon

ยินดีต้อนรับสู่ London Marathon

London Marathon จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1981 โดยจัดขึ้นวันอาทิตย์ในสัปดาห์ที่สี่ ของเดือนเมษายนของทุกปี เป็นงานที่นักวิ่งต่างชาติจะได้เข้ามาวิ่งยากที่สุดในบรรดา 6 งาน World Marathon Majors เนื่องจากมีผู้สมัคร lotto จากทั่วทุกมุมโลกจำนวนหลายแสนคนในแต่ละปี และการสมัครด้วยการยื่นเวลา time qualifications เปิดรับเฉพาะนักวิ่งที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรเท่านั้น

การเดินทางจากสนามบินเข้าตัวเมือง London

จากสนามบิน Heathrow สามารถเดินทางเข้าตัวเมือง London ได้หลายวิธี

(1) Heathrow Express น่าจะเป็นวิธีที่ประหยัดและเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ที่มีกระเป๋าสัมภาระ เนื่องจากมีที่นั่งสะดวกสบาย ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาที ราคาต่อเที่ยว £5.50 – 32.00     ขึ้นอยู่ว่าซื้อตั๋วประเภทไหน และล่วงหน้านานแค่ไหน สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้ที่ https://www.heathrowexpress.com/

(2) TfL Rail (เดิมชื่อ Heathrow Connect) เป็นรถไฟที่ใช้เวลาเดินทาง 20 นาที (นานกว่า Heathrow Express เพียง 5 นาที) มาลงที่สถานี Paddington เหมือนกัน ราคาต่อเที่ยว £12.30 – 25.00 (แล้วแต่ขบวน) สามารถซื้อตั๋วได้ที่ https://www.thetrainline.com/

ทั้ง Heathrow Express และ TfL จะมาสุดสายที่ Paddington เหมือนกัน และเราต้องทำการเปลี่ยนเป็น tube (รถไฟใต้ดิน) เพื่อเดินทางไปยังที่พักของท่านต่อไป

(3) Underground รถไฟใต้ดินสาย Piccadilly Line เดินทางจากสนามบิน Heathrow ตรงเข้าเมืองสุดสายที่สถานี King’s Cross เป็นวิธีการเดินทางที่ราคาถูกที่สุด คือ £5.60 แล้วค่อยเปลี่ยนสายเพื่อเดินทางไปยังที่พักต่อไป การเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสามารถใช้บัตรเติมเงิน Oyster Card หรือใช้บัตรเครดิตที่มีสัญลักษณ์ payless แตะได้ เหมาะสำหรับผู้ที่กระเป๋าสัมภาระไม่มาก มีข้อเสียคือหากการเดินทางอยู่ในช่วง rush hour อาจจะต้องเบียดกับผู้โดยสารจำนวนมากในรถไฟใต้ดิน 

(4) Taxi หรือ Uber เป็นอีกวิธีที่สะดวก ถ้ามีกระเป๋าสัมภาระและเดินทางกัน 2-3 คน เพราะมาส่งถึงหน้าโรงแรมได้เลย ราคา Taxi หรือ Uber ปกติตกอยู่ที่ประมาณ £40-50 ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและสภาพการจราจรในตัวเมือง

การเดินทางใน London 

อัตราค่าโดยสารของการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะใน London คิดตาม zone โดยผู้โดยสารจะต้องแตะบัตรทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งรวมถึงรถไฟใต้ดิน รถเมล์ และเรือเฟอรี่ 

เราสามารถใช้บัตรเติมเงิน Oyster Card หรือจะซื้อ Travel Card แบบ 7 วัน ราคา £40.70 ก็ได้ (แนะนำสำหรับผู้ที่จะอยู่ในตัวเมือง London มากกว่า 5 วัน)

หากเดินทางไปมาแค่ในตัวเมือง London เราน่าจะอยู่ในแค่ zone 1-2 ซึ่งการเดินทางแต่ละครั้ง  จะมีราคา £2.80 ในช่วง rush hour และ £2.70 ในช่วง off peak เราสามารถใช้บัตรเครดิต   บัตรเดบิต ที่มีสัญลักษณ์ payless แตะเข้าและแตะออกแทนบัตร Oyster Card ได้ เป็นราคาเดียวกัน ไม่จำเป็นที่จะต้องซื้อ Oyster Card เมื่อถึงจำนวนสูงสุดต่อวัน (ของ zone 1-2 อยู่ที่ £8.10) ก็จะใช้บัตรเดิมนั้นเดินทางได้ไม่จำกัด (ผู้ที่อยู่ในตัวเมือง London 5 วัน หรือน้อยกว่า แนะนำให้ใช้วิธีนี้)

สกุลเงิน

เป็นเงินสกุลปอนด์ £ (GBP) อัตราแลกเปลี่ยน £1 = 42.50 บาท โดยประมาณ

ร้านค้า ร้านอาหาร แทบจะ 99% รับบัตรเครดิต เพื่อความปลอดภัย ไม่มีความจำเป็นต้องแลกเงินสดไปมาก ก่อนเดินทางควรเช็คกับธนาคารที่ให้บริการบัตรเครดิต เพื่อเปิดใช้บริการในต่างประเทศ และสอบถามอัตราค่าธรรมเนียมในการใช้บัตรซื้อสินค้าในต่างประเทศ

เครื่องใช้ไฟฟ้า

ไฟฟ้าที่อังกฤษเป็นไฟ 230 Volt สามารถนำเครื่องใช้ไฟฟ้าไปใช้ได้ แต่ต้อง เตรียม adapter ไปด้วย เนื่องจากปลั๊กเป็นแบบ Type G ขาแบน สามขา

สภาพอากาศ

ในช่วงปลายเดือนเมษายน ที่ London อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 7-15° เซลเซียส โอกาสเกิดฝนประมาณ 25% ควรเตรียมเสื้อกันหนาว และเสื้อกันฝนไปเผื่อด้วย

เวลา

เวลาท้องถิ่นของอังกฤษช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง

อินเตอร์เน็ท

สามารถซื้อ sim ล่วงหน้าได้ที่ https://www.instasim.com/th/uk.html/  หากอยู่แค่ในตัวเมือง London ไม่เกิน 1 สัปดาห์ EE 8 GB หรือ giffgaff 30 GB ก็น่าจะเพียงพอแล้ว 

สถานที่รับบิบ

ExCel London
1 Western Gateway, London E16 1X
การเดินทางจากที่พักในตัวเมือง London มายัง ExCel London สามารถทำได้โดยการนั่ง underground สาย Elizabeth Line มาลงที่ป้าย Custom House

การเตรียมตัวสำหรับวันแข่งขัน

  • รับประทานอาหารที่ให้พลังงานเพียงพอ โดยเฉพาะพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต
  • พักผ่อน นอนหลับให้เต็มที่และเพียงพอ
  • หากต้องการรับประทานอาหารเช้า เผื่อเวลาให้อาหารย่อยก่อนเวลาแข่งขันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
  • นำอุปกรณ์ที่จะใช้สำหรับวันแข่งขันมาจัดวางเรียงไว้
  • อย่าลืมติด timing chip ไว้ที่รองเท้า 
  • เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากการเสียดสี ทาวาสลีนตามรอยต่อของตะเข็บผ้า ข้อพับ และจุดต่างๆ ที่อาจเกิดการเสียดสีเป็นเวลานานระหว่างวิ่ง
  • เตรียมชุดคลุม เสื้อกันหนาว ชุดกันฝน สำหรับการเดินทางไปจุดปล่อยตัว สามารถฝากของ ที่จุดปล่อยตัว โดยใส่ทุกอย่างที่ไม่ใช้ไว้ในกระเป๋าใสที่ทาง London Marathon จะแจกให้

Six Star Finisher

สำหรับผู้ที่วิ่ง London Marathon เป็นสนามที่ 6 จะได้รับเหรียญ Six Star Finisher โดยเราจะต้อง login เข้าไปที่ runner portal ในเว็บไซต์ของ Abbott World Marathon Major เพื่อยืนยันสิทธิ์ว่าสนามนี้จะเป็นสนามที่ 6 ก่อนที่จะเดินทางไปรับบิบ (สามารถติดต่อพี่เชษฏ์ได้หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม) 

ที่บิบ London Marathon จะมี QR code พิเศษ เมื่อเข้าเส้นชัย รับเหรียญ London Marathon เรียบร้อยแล้ว ให้ตรงไปที่เต็นท์ของ Abbott World Marathon Major เพื่อทำการรับเหรียญ Six Star Finisher ทีมงานจะ scan QR code และตรวจสอบผลวิ่งอย่างเป็นทางการก่อนที่จะมอบเหรียญอันทรงเกียรติให้ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับทุกท่านที่จะได้รับเหรียญนี้ด้วย

สำหรับผู้ที่วิ่ง London Marathon เป็นสนาม World Marathon Major แรก ลงทะเบียนและสร้าง profile ได้ที่ https://www.worldmarathonmajors.com/ โดยคลิก RUNNER PORTAL แล้วกดปุ่ม Sign Up

 

เส้นทางวิ่ง

(1) บริเวณจุดปล่อยตัว แบ่งเป็น 3 สี นักวิ่งต้องไปเข้าประจำตามสีที่กำหนด จุดให้น้ำจุดแรกคือประมาณกิโลเมตรที่ 5 หลังจากนั้นจะเป็นทุกๆ 3-4 กิโลเมตร (เช็ครายละเอียดจากงาน expo อีกครั้ง) เส้นทางช่วงก่อนถึงจุดให้น้ำ จะเป็นเนินขึ้นเล็กน้อย หลังจากจุดให้น้ำจะเป็นการวิ่งดิ่งลง แล้วเป็นการ rolling ไปเรื่อยๆ ตลอดเส้นทางวิ่งจนจบ 

(2) หลังจากกิโลเมตรที่ 10 จะเข้าสู่ Cutty sark สุดยอดเรือแห่งประวัติศาสตร์สัญลักษณ์อันโดดเด่นของ Greenwich สร้างขึ้นที่สกอตแลนด์ในปี ค.ศ. 1869 โดยถูกออกแบบมาเพื่อนำชาจากจีนมาประเทศอังกฤษให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เรือนี้ได้ทำลายสถิติการเดินเรือทั่วโลกและยังได้เยี่ยมชมท่าเรือที่สำคัญๆ ทั่วทุกมุมโลกอีกด้วย เรือลำนี้มีการออกแบบที่ทันสมัยที่แม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว เมื่อมองดูก็จะไม่เหมือนซากเรือเลย ยังคงสภาพสวยเหมือนเรือในปัจจุบัน แต่จริงๆ แล้วนั้นเรือลำนี้นั้นเคยผ่านอุบัติเหตุระหว่างซ่อมแซมเรือ เกิดเหตุการ ไฟไหม้ท่วมเรือจนซากเรือแทบจะกลายเป็นเถ้าถ่านมาแล้ว แต่ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่เพื่อการจัดแสดงโชว์ในโอลิมปิกปี 2012 กองเชียร์ตรงนี้จะกระหึ่มมากๆ

(3) กิโลเมตรที่ 20 คือกลางสะพาน Tower Bridge เราจะได้วิ่งไปบนกลางสะพานที่ยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยกองเชียร์ตลอดสองข้างทาง

(4) Rainbow Row เป็นอีกจุดที่กองเชียร์ล้นหลาม พื้นถนนและรอบข้างประดับด้วยธงสีรุ้ง สองข้ามทางมีวงดนตรี เชียร์ลีดเดอร์ และบูธดีเจ สนุกสนานจนแทบจะหยุดวิ่งแล้วกระโดดออกไปเต้นกับกองเชียร์

(5) เราจะวิ่งเลียบแม่น้ำ Thames มาเรื่อยๆ จนกระทั่งลอดอุโมงค์สุดท้าย ไต่ขึ้นมาจากอุโมงค์ จะเห็น Big Ben ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้า แปลว่าเราได้มาถึงกิโลเมตรที่ 41 แล้ว เลี้ยวขวา แล้วตรงไปอีกเพียง 1 กิโลเมตร ก็จะถึงหน้า Buckingham Palace โค้งไปทางขวา อีกไม่กี่ร้อยเมตรก็เข้าเสันชัย

หลังจากเข้าเส้นชัย รับเหรียญ รับถุง snack รับของฝากจากรถ (แยกตามหมายเลข) ทางจะบังคับให้เดินตรงมาเรื่อยๆ จนถึงทางออกและจุดนัดพบ ซึ่งจะแบ่งตามตัวอักษร A, B, C, D, E… ไปเรื่อยๆ เราสามารถนัดแนะกับเพื่อนๆ หรือญาติ ตามสะดวกว่าจะไปเจอกันที่ตัวอักษรอะไร

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *